2014-05-04 / ๋็็ภาชนะของพระเยซู / จุดเปลี่ยนของชีวิต / ไทย 泰國 / ศูนย์เพื่อนไทย
จุดเปลี่ยนของชีวิต
หนูคิดว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก พระเยซู คือผู้ที่ตายบนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปแทนมนุษย์ทั้งหลาย ที่เชื่อวางใจว่าพระองค์ทรงเป็นพระ้เจ้า ซึ่งหลายคนทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดี นับเป็นโอกาสอันดี ที่หนูได้รู้จักกับพระเจ้าของคนทั้งโลกผู้นี้เป็นครั้งแรก จากเพื่อนคนไทยที่ทำงานด้วยกันในประเทศไต้หวัน ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น การเริ่มต้นที่ผิดพลาดหรือการเปลี่ยนแปลงที่ถูกต้อง หนูก็ยังคงดำเนินชีวิตอยู่ในไต้หวันแห่งนี้เหมือนเดิม หากเปรียบเทียบชีวิตของหนูเป็นเหมือนกับการปลูกต้นไม้ คงจะเรียกได้ว่า'' ต้นไม้ต้นนี้เกิดที่นี่และโตที่นี่'' ในเรื่องของความคิดที่โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นในทุกวัน และเพราะพระเจ้าทรงทำให้หนูยอมรับความจริงว่าหนูเป็นผู้หญิงไม่ใช่''ทอม'' หนูจึงเลือกที่จะใช้ชื่อเรื่องในการเขียนเรียงความครั้งนี้ว่า''จุดเปลี่ยนของชีวิต''ด้วยประสบการณ์จริงที่หนูได้รับจากพระเจ้า หนูคิดว่าทัศนคติที่พระเจ้าทรงสอนไว้ เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับใครหลายๆคน ที่จะประพฤติหรือปฎิบัติตามไม่มากก็น้อย ในเรื่องของมุมมองหรือการเปลี่ยนมุมมองในรูปแบบใหม่ๆ และกล้าที่จะเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ท่านอาจจะยังไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต และท่านอาจจะได้รับคำตอบบางอย่าง ในสิ่งที่ท่านไม่เคยรู้ที่เป็นความจริงก็ได้ ว่า พระเยซูคือพระผู้ช่วยให้รอดของเราในชีวิตหลังความตาย และแผ่นดินสวรรค์ก็เป็นของพระองค์
ตลอดระยะเวลาเกือบจะ 6 ปีแล้ว ที่หนูยังใช้ชีวิตเพื่อทำงานอยู่ในไต้หวัน ตั้งแต่หลังเรียนจบม.ปลาย หนูยังจำได้ว่าหนูไม่ได้อยากมาทำงานในประเทศไต้หวันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เป็นเพราะแม่บังคับหนูจึงต้องยอมมาแบบไม่ได้เต็มใจ แต่ตรงกันข้ามกับในตอนนี้ที่หนูยังไม่อยากกลับเมืองไทย เพราะหนูยังรุ้สึกสนุกกับการทำงาน ซึ่งได้รู้จักกับเพื่อนชาวต่างชาติมากมายหลายคนด้วยกัน และหนูยังติดใจกับสภาพอากาศในไต้หวันและสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่สวยงาม และที่สำคัญคนไต้หวันก็น่ารักและเป็นกันเอง หนูจำได้ไม่เคยลืม ว่าหนูได้ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต เมื่อตอนอายุ 20 ปี คือวันที่ 27 กันยายน 2550 ในวันนั้นหนูรู้สึกทั้งตื่นเต้นและทั้งกลัวมาก เพราะกลัวว่าเครื่องบินจะพาตก ขอบคุณพระเยซูที่ทรงทำให้หนูมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ และเพราะทุกวันนี้หนูดำเนินชีวิตตามองค์พระเยซูคริสต์ พฤติกรรมเก่าๆที่ไม่ดี ก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นและหายไปจากเดิม เพราะพระเจ้าทรงเป็นแรงบันดาลใจของหนู ในการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตการทำงานในไต้หวัน ซึ่งค่อนข้างท้าทายความสามารถของผู้หญิงคนนี้มาก ทั้งในเรื่องของภาษาที่ใช้พูดและการวางตัวที่ดีซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เมื่อก่อนหนูเคยเป็นทอม แต่แล้วชีวิตของหนูก็กลับเปลี่ยนไป เมื่อได้สัมผัสกับความรักของพระเจ้า ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างไม่น่าเชื่อ! เพราะพระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงจิตใจของหนูให้เป็นคนใหม่ หนูจึงกลับมาเป็นผู้หญิงได้เต็มตัวอีกครั้งโดยไม่เหลือแม้แต่ความอายเลย หากมีคนจะพูดให้หนูว่า''ทอมกลับใจ'' ซึ่งเมื่อก่อนหนูไม่เคยคิดว่าจะต้องหยุดเป็นทอมเพื่อใคร แต่แล้ววันนี้หนูรู้และเข้าใจว่าทำไมจะต้องกลับใจใหม่ เพราะแผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้าจะไม่รับคนบาปที่รักเพศเดียวกัน เหตุฉะนั้นหนูจึงต้องรีบกลับใจเสียใหม่ก่อนที่พระเยซูจะเสด็จลงมารับคนที่เชื่อและรักในพระองค์ให้ทันเวลา และก่อนที่พระเจ้าจะทรงพิพากษาโลก นั่นคือวันอวสานซึ่งกำลังจะมาถึงในเร็วๆนี้ หนูเป็นคนศาสนาพุทธตามพ่อกับแม่มาตั้งแต่เเกิด แต่หนูก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนยังทำบาปอยู่ไม่มีวันสิ้นสุด เพราะคนเหล่านั้นยังประพฤติตามกฎเกณท์ของศาสนานี้ที่ตั้งไว้และทำความดีกันไม่ได้เลย แต่แล้วทุกวันนี้หลังจากที่หนูได้อ่านพระคัมภีร์ พระเจ้าจึงตรัสกับหนูว่า''เขาทั้งหลายหลงเจิ่นไปหมดและเลวทรามลงเหมือนกันสิ้น ไม่มีสักคนเดียวที่ทำดี ไม่มีเลย'' เพราะเหตุนี้หนูจึงเข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดีว่าพระเจ้าทรงเป็น''ความจริง'' และพระองค์ทรงเป็นคำตอบทุกอย่างในชีวิตของหนู แม้การดำเนินชีวิตในไต้หวันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะปรับตัวให้เข้ากับทุกคนได้ ซึ่งแต่ละคนก็มาจากต่างที่ ต่างถิ่น ต่างความคิดและต่างคำพูด และที่สำคัญก็ล้วนแล้วมาจากอุปนิสัยที่แตกต่างกัน มันยิ่งยากที่จะควบคุมได้ แต่พระเจ้าทรงสอนให้หนูรู้จักกับการให้อภัย ว่าควรทำอย่างไรถึงจะเรียกได้ว่า''ให้อภัย''อย่างแท้จริง! เพราะบางครั้งหนูก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกเพื่อนร่วมห้องหรือเพื่อนที่ทำงาน นินทา ซึ่งบางครั้งหนูก็ไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้ทำอะไรผิดก็มี แต่หนูก็ยังคุยกับทุกคนที่นินทาและพูดจาดีกับคนเหล่านั้นอยู่เหมือนเดิม เพราะหนูคิดเสมอว่า''พระเจ้าให้อภัยหนูอย่่างไร หนูก็จะให้อภัยคนเหล่านั้นเช่นกัน'' เพราะทุกครั้งที่หนูได้ยินคำพูดที่ไม่ดีเหล่านี้ พระเจ้าจะทรงตรัสในใจของหนูเสมอว่า''จงเอาชนะความชั่วด้วยความดี'' หนูจึงกล้าที่จะเผชิญหน้ากับ''ความจริง''ตลอดมา เพราะหนูไม่มีเหตุที่จะให้ผู้อื่นหาเรื่องหรือติเตียนหนูได้ เพราะเค้าพูดให้หนูไม่ได้ว่าตอนนี้ หนูดื่มเหล้า เล่นการพนัน ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่หรือชอบเที่ยวเตร่ และทำตัวไม่เหมาะสมในเรื่องของ''ความรัก''เพราะหนูยังไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชายแม้แต่คนเดียว ซึ่งเมื่อก่อนหนูเคยเกี่ยวข้องกับอบายมุขเหล่านี้จนหนูไม่มีตังค์ให้เหลือเก็บและไม่ค่อยได้ส่งตังค์กลับบ้านให้แม่ แต่ตอนนี้หนูกลับกลายเป็นเหมือน''ภารโรง''คอยเฝ้าหอพักให้เพื่อนเวลาวันหยุด หรือแม้แต่การเป็น''ทอม'' แล้วกลับใจเป็นผู้หญิง หนูก็บอกกับคนอื่นเสมอว่า''หนูก็เป็นเพศหญิงมาตั้งแต่เกิด ทำไมหนูจะต้องอาย'' เพียงแค่หนูไม่เคยยอมรับว่า ความจริงแล้ว! ''พระเจ้าทรงสร้างผู้ชายและผู้หญิงให้เกิดมาคู่กัน''ไม่ใช่ให้ผู้หญิงเกิดมาคู่กับผู้หญิง และไม่ได้ให้ผู้ชายเกิดมาคู่กับผู้ชาย ซึ่งในยุคนี้และในตอนนี้กลับมีหลายคนที่ยอมรับได้ถึงสิ่งที่โลกหยิบยื่นให้โดยมองข้ามความถูกต้อง และนี่เป็นครั้งที่ 3 ที่หนูได้กลับมาทำงานในประเทศไต้หวันอีกครั้ง แต่ความตั้งใจของหนูก็ไม่ได้เป็นดั่งที่หวังเอาไว้ ว่าหนูจะต้องเก็บเงินใช้หนี้ ธกส.ให้หมดก่อนที่จะกลับบ้าน เพราะทุกวันนี้บริษัทที่หนูทำงานอยู่ไม่มีโอทีเลยและยังเลิกงาน 5 โมงเย็นทุกวันและหยุดงานทุกวันเสาร์-อาทิตย์ หนูรู้สึกแย่ทุกครั้งเมื่อเห็นสลิปเงินเดือนของตัวเองออก และล่าสุดเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2014 ที่ผ่านมา สลิปเงินเดือนของหนูออกแค่ 21,147บาท หลังจากหักภาษี 1,215 ประกันสังคม 428 ประกันสุขภาพ 371 เงินสวัดิการ 101 หักฝาก 2,000 ค่าเอเย่น 1,800 และค่าน้ำ-ค่าไฟรวม 846 บาท เงินเดือนทั้งเดือนที่หนูทำเหลือเพียงแค่ 12,386บาท เท่านั้นเอง หนูได้รับโอกาสจากพ่อและแม่ให้มาที่นี่เป็นเวลาเพียงแค่ 1ปีกับอีก 14วัน ที่หนูจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้พ่อกับแม่ได้เห็นในครั้งนี้ว่า''หนูไม่ใช่คนเก่าที่เคยเหลวไหล'' แต่ทุกอย่างกลับทำให้หนูเครียดมากกว่าเดิมอีก เมื่อหนูเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 5 เดือน โดยที่หนูมองไม่เห็นว่าต่อไปบริษัทที่หนูทำอยู่จะมีโอทีให้หนูทำรึเปล่า? ที่ผ่านมาหนูยอมรับว่า หนูทำผิด! ซึ่งทุกวันนี้หนูไม่สามารถที่จะย้อนเวลากลับไปแก้ไขความผิดพลาดในอดีตได้ และในตอนนี้หนูก็ไม่มีเรื่องอะไรที่จะทำให้หนูทุกข์ใจไปมากกว่า เรื่องหนี้สินอีกแล้ว เพราะทุกวันนี้หนูพยายามที่จะปรับปรุงตัวเองและแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆที่เคยเกิดขึ้นให้ดีที่สุด แต่คนรอบข้างกลับซ้ำเติมและไม่เข้าใจในสิ่งที่หนูทำ แต่หนูก็ไม่คิดที่จะโทษใครนอกจากโทษตัวของหนูเอง ที่ทำอะไรไม่รู้จักคิดให้ดีก่อน ถึงแม้เงินเดือนของหนูจะไม่พอใช้แต่หนูก็ยังมีความสุขในใจ อย่างน้อยพระเจ้าก็ทรงสอนให้หนูรู้จักคุณค่าของเงิน ว่าควรจะใช้เงินที่มีอยู่ในมืออย่างไรให้พอต่อความต้องการในใจของเราได้ ภึงแม้ตอนนี้บริษัทจะยังไม่มีโอทีให้หนูทำ แต่หนูก็ตั้งใจทำงานมากกว่าเมื่อก่อน เพราะหนูอยากให้นายจ้างเค้ามองเห็นถึงความตั้วใจที่หนูมี เผื่อวันไหนมีโอทีเค้าจะได้เรียกใช้ให้หนูทำ ''จงทำสิ่งสารพัด โดยปราศจากการบ่นและการทุ่มเถียงกัน''หนูจะคิดถึงคำสอนนี้เสมอเมื่อเวลาทำงาน พระเจ้าทรงสอนหนูทุกอย่างในสิ่งที่หนูไม่เคยรู้และไม่เคยเห็นมาก่อน แม้กระทั่งการเรียนรู้เรื่องงานที่พระเจ้าก็ทรงสอนให้หนูเข้าใจ ด้วยสติปัญญาที่มาจากพระองค์
ขอบคุณพระเจ้า ที่พระองค์ทรงสอนให้หนูรู้ตัวว่าตัวเองจริงๆแล้วหนูเป็นคนบาปมาก ขอบคุณพระองค์ที่ทรงทำให้หนูเป็นคนดีได้...โดยพระองค์ แม้ชีวิตของหนูจะลำบากแต่หนูก็ดีใจ ที่ได้มีโอกาสมาทำงานในไต้หวันแห่งนี้ เพราะหนูได้เรียนรู้ที่จะฝึกตนเองในหลายๆด้าน ทั้งความอดทนอดกลั้นต่ออารมณ์ของตนเองและอดทนต่อคำพูดของผู้อื่น และที่สำคัญหนูได้ฝึกความคิดในการที่เอาชนะตนเองให้ได้ด้วย ตลอดระยะเวลาที่หนูอยู่ที่นี่หนูได้รับบทเรียนเกี่ยวกับอะไรหลายๆอย่างในการดำรงชีวิต เช่น การใช้เงิน และการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และการวางตัวอย่างไรจึงจะเหมาะสมเมื่ออยู่กับสภาพแวดล้อมและสังคมที่มีคนอยู่อย่างมากมาย แม้เรื่องหนี้สินจะตามหลอกหลอนหนูอยู่ทุกวัน แม้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆจะทำให้หนูท้อใจหรือตังค์ไม่พอใช้แต่หนูก็ยังยินดี และถึงแม้ความดีมันจะทำยากแต่หนูก็จะทำให้ได้ เพราะหนูถือทัศนคติที่ว่า''จงปฎิบัติต่อผู้อื่น อย่างที่เราปรารถนาให้เขาปฎิบัติต่อเรา'' และหนูก็จะทำวันนี้ให้ดีที่สุด ราวกับว่าวันพรุ่งนี้หนูจะต้องหยุดหายใจ! เพราะชีวิตของหนูต้องเริ่มต้นใหม่ทุกวันกับพระเจ้าเพื่อแข่งขันกับตัวเองและหนูจะต้องสะอาดและไร้ความบาปเหมือนอย่างพระองค์ เพราะไม่มีสิ่งไหนที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพระเจ้าองค์นี้ หากชีวิตของหนูมีพระเจ้าทรงนำ หนูอยากจะขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนและผู้มีอุปการะคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมทำให้หนูได้มายืนบนแผ่นดินในไต้หวันแห่งนี้ หนูอยากจะขอบคุณสำหรับเงินเดือนที่หนูได้รับตลอดการทำงานกว่า 6 ปี ที่ทำให้ชีวิตครอบครัวของหนูดีขึ้น และขอบคุณพระเจ้าผู้ทรงเป็นแรงผลักดันให้หนูลุกขึ้นมาสู้กับความยากลำบากในชีวิตอีกครั้ง แม้หนูจะมองไม่เห็นทางก็ตามแต่หนูก็เชื่ออย่างมั่นใจว่า''พระเจ้าทรงทำได้ทุกอย่าง'' หากเรามีความตั้งใจจริง!