ชีวิตกับวันเวลา

2014-05-26 / ดวงตะวัน / ชีวิตกับวันเวลา / ไทย 泰國 / ไม่มี

"                                            “ชีวิตกับวันเวลา”

       “หยก....โทรศัพท์”  เพื่อนร่วมงานเรียก ฉันลุกจากโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่กำลังพิมพ์งานแปลเอกสาร  เอื้อมมือหยิบหูโทรศัพท์รับสาย ได้ยินเสียงสามีกล่าวเบาๆว่า “หยก..พี่ภาเพิ่งโทรมาบอกว่าแม่เสียแล้ว....”  เสียงนั้นเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจ ฉันน้ำตาไหลพราก เข่าอ่อนทรุดตัวลงกับพื้น ร้องสะอึกสะอื้นอย่างไม่อายใคร เสียใจอย่างยากที่จะบรรยายเป็นตัวอักษรได้ แม้เวลาจะผ่านมานานแล้ว แต่ยังจำได้ลืมเลือน ชีวิตกับการพลัดพราก ทุกคนต้องประสบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่เมื่อพานพบกับตนเอง ก็ยากที่จะยอมรับและทำใจได้ แม่จากไปอย่างกะทันหัน ไม่มีแม้โอกาสให้ฉันได้กล่าวล่ำลา นับเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงที่สุดในชีวิต ที่เกิดขึ้นกับตัวฉัน ในยามที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างแดน............
       มนุษย์เราเกิดมา หลายอย่างผูกอยู่กับชะตา ช่วงต่อไปของชีวิตจะเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครรู้ได้ แต่ฉันเชื่อว่าอนาคตย่อมเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจและการกระทำในวันนี้อย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก 
      ย้อนมองชีวิตในอดีต ฉันไม่เคยคิดหวังว่าตนเองจะเดินทางไปใช้ชีวิตในต่างแดน เพราะครอบครัวไม่ร่ำรวย  สำนึกบุญคุณพ่อแม่ ที่ลำบากส่งเสียเล่าเรียนให้มีความรู้ติดตัว จึงหวังอยู่ข้างกายท่าน ตอบแทนบุญคุณดูแลพ่อแม่ยามแก่เฒ่า ดังนั้นเมื่อจบการศึกษา จึงหางานทำทันทีไม่ทำให้พ่อแม่กังวลใจ เนื่องจากเรียนสาขาอันเป็นที่ต้องการของตลาดงาน เงินเดือนที่ได้รับนับว่าอยู่ในขั้นดี ฉันทำงานด้วยความตั้งใจ ทำให้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นไปตามวันเวลา
      จบการศึกษาทำงานตามสาขาที่เรียนอยู่หลายปี  ชะตาชีวิตทำให้ฉันรู้จักกับคู่ชีวิต ฉันชื่นชอบในความกตัญญูและรักพี่น้องเสียสละเพื่อครอบครัวของเขา ด้วยความเห็นชอบของพ่อแม่ จึงตัดสินใจใช้ชีวิตสร้างครอบครัวร่วมกัน ใครจะรู้ได้ว่า นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ฉันต้องเดินทางมาใช้ชีวิตที่ไต้หวันจนถึงทุกวันนี้ หลังแต่งงานไม่ถึง 2 ปี เพราะอาชีพการงานสามีต้องมาประจำที่ไต้หวัน เวลานั้นฉันสับสนยากที่จะตัดสินใจติดตามสามีมาอยู่ไต้หวัน เพราะต้องทิ้งอนาคตในงานอาชีพ ห่างจากครอบครัวพ่อแม่พี่น้องเพื่อนพ้องไปเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ ในวันอันสับสน แม่บอกฉันให้ดูชีวิตท่านเป็นตัวอย่าง แม่ทำทุกอย่างเพื่อลูกๆและครอบครัว แม้ยากลำบาก แต่บั้นปลายชีวิตของท่าน
ลูกๆทุกคนต่างมุมานะ มีชีวิตที่พอเพียงและเป็นคนดีของสังคม แม่ให้กำลังใจส่งเสริมสนับสนุนให้ฉันเสียสละเพื่อครอบครัว ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจมาอยู่ไต้หวันพร้อมกับสามี ฉันเลือกทางเดินชีวิตเช่นนี้ เพราะคิดถึงลูกเล็กทั้งสอง อยากให้เขาได้รับความรักความอบอุ่นทั้งจากพ่อและแม่ เติบโตอย่างสมบูรณ์ทั้งกายละใจ และร่วมก่อร่างสร้างตัวพร้อมกับสามี ให้ทุกอย่างในฃีวิตเต็มเปี่ยมด้วยคุณค่าแห่งน้ำพักน้ำแรง จูงมือร่วมทุกข์ร่วมสุขจนถึงยามชรา
      จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว ยอมรับว่าชีวิตพบกับการทดสอบมากมาย ความลำบากจากการปรับตัวเกือบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นภาษา วัฒนธรรมและความเคยชินที่แตกต่าง ทุกอย่างต้องเรียนรู้ อดทนยืนหยัด บากบั่นเพื่ออนาคตที่ไม่ใช่เฉพาะของตนเอง แต่เป็นความหวังของทั้งครอบครัว  ฉันบอกกับตนเองเสมอว่า อย่าผูกติดอยู่กับอดีต จงมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด  เวลาผ่านพ้นไปเมื่อย้อนมองจะมีแต่ความรู้สึกยินดีในสิ่งที่ตนเองว่านไถ ไม่ใช่ความรู้สึกเสียใจที่ตนไม่ได้ลงแรงพยายามทำอย่างเต็มที่ในวันเวลาที่เหมาะสม
      ชีวิตในทุกวันนี้ ฉันสำนึกขอบคุณ ขอบคุณพ่อแม่ที่สนับสนุนการตัดสินใจของฉันในการเดินทางมาใช้ชีวิตครอบครัวที่ไต้หวัน แม้เวลานี้จะเหลือเพียงคำสอนและร่องรอยแบบอย่างชีวิตของท่านที่ฉันยังคงดำเนินตามในปัจจุบัน ขอบคุณคู่ชีวิตที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข จูงมือปลอบโยนให้อภัยและเป็นกำลังใจแก่กันเสมอมา ขอบคุณลูกรักที่เชื่อฟังคำสอน ตั้งใจศึกษาหาวิชาความรู้ติดตัว เพื่อสร้างอนาคตและเป็นคนดีของสังคม ขอบคุณทุกผู้คนที่ยื่นมือให้การช่วยเหลืออุ้มชูสร้างความอบอุ่นในยามเย็นยาก ขอบคุณเมืองไทยให้ที่อยู่ศึกษาเล่าเรียนจนเติบใหญ่ และขอบคุณไต้หวันที่ให้อาชีพการงานสร้างเศรษฐกิจของครอบครัวให้อยู่ได้อย่างพอเพียง 
     ตราบใดที่ดวงตะวันยังทอแสงบ่งบอกวันเวลา ชีวิตย่อมเต็มเปี่ยมด้วยความหวังอยู่เสมอ แต่นี้ไปฉันหวังเดินตามแบบอย่างชีวิตแม่ ใช้ความสามารถและประสบการณ์ของตนที่มี ให้การช่วยเหลือแก่พี่น้องจากต่างแดนที่มีความต้องการ สร้างประโยชน์ให้สังคมได้บ้าง ตามคำของแม่ที่สอนว่า ความเสียสละเป็นการสร้างคุณค่าและความสุขที่แท้จริงของชีวิต
"