ประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานในไต้หวัน

2014-04-26 /  นายวิทย์ ศรีคำ / ประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานในไต้หวัน ไทย / เรือนจำไทเป


ประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานในไต้หวัน
ในอดีดผมเป็นแรงงานไทยที่ได้รับความชื่นชมจากนายจ้างในเรื่องของการทำงาน แต่ตอนนี้ผมกลายเป็นผู้ต้องโทษ อยู่ที่เรือนจำไทเป เพราะไปห้ามเรื่องของคนอื่นที่เขามีเรื่องกัน สุดท้ายก็ต้องมาเป็นแพะรับบาปอยู่ที่เรือนจำแห่งนี้  ตัวผมเองเคยทำงานขายแรงแลกเงินหาประสบการณ์อยู่ที่กรุงเทพฯมาก่อน และได้มีโอกาสเดินทางมาทำงานที่ไต้หวัน ผมทำงานอยู่ที่ซินจู่ และเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนประกอบจอคอมพิวเตอร์ส่งให้บริษัทฟิลลิปส์ อุปสรรคของผมครั้งนั้นก็คือภาษาจีน ที่จะใช้สื่อสารพูดคุยกับนายจ้างและเพื่อนร่วมงานคนไต้หวัน แต่ผมก็ไม่ละความพยามที่จะเรียนรู้ภาษษจีน ผมก็จจดจำวันละคำสองคำเกี่ยวกับภาษาที่ใช้ในการทำงาน บางครั้งก็หัดพูดกับเพื่อนร่วมงานคนไต้หวัน คำไหนพูดไม่ถูก เขาก็ฝึกสอนพูดให้ผม เพราะสำเนียงของภาษาจีนต้องชัดเจน ได้ประมาณ 1 ปี ผมก็พอที่จะพูดภาษาจีนสื่อสารกับนายจ้างได้บ้าง แต่ก็ยังใช้ภาษาท่าทางด้วย แต่ผมยอมรับว่านายจ้างดีต่อผมมาก ในการที่ผมมาทำงานกับนายจ้างรายนี้ หลังจากที่ผมพอพูดภาษาจีนได้บ้างแล้ว ผมก็เริ่มเอาประสบการณ์ที่ผมมีอยู่ ที่ตัวผมเคยศึกษามา และเคยทำมาตอนที่อยู่ที่กรุงเทพฯ ผมก็เอาประสบการณ์นั้นมาแลกเปลี่ยนกับงานที่ผมทำอยู่ งานที่ผมถนัดก็คืองานไฟฟ้าคอนโทรล ไฟฟ้ากำลัง งานเชื่อมโลหะ และงานซ่อมบำรุงเครื่องจักร จนทำให้ผมได้รับความไว้วางใจจากนายจ้างและหัวหน้าประจำโรงงาน
หลังจากที่ผมรู้จักขั้นตอนการผลิตชิ้นงานให้ได้มาตรฐานแล้ว ผมก็ได้เลื่อนขั้นมาทำหน้าที่เป็นคิวซี ตรวจวัดชิ้นงานที่ผลิตออกมาให้ได้มาตรฐาน  เป็นตำแหน่งที่สบายมากเลยครับ และในขณะเดียวกันผมก็ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้างาน ซึ่งเป็นหัวหน้ากะกลางคืนอีกด้วย ตลอดจนคอยดูแลซ่อมแซมบำรุงเครื่องจักรขณะผลิตชิ้นงาน ถ้างานเร่ง วันเสาร์-อาทิตย์ผมก็จะพาคนงานไทยด้วยกันลงทำโอที  ถ้าอาทิตย์ไหนว่างผมก็จะตัดแต่งต้นไม้ ตัดหญ้าหน้าโรงงาน จัดระเบียบที่จอดรถของคนงาน คือเอาสีเหลืองมาทาตีเส้น เหมือนที่เราเห็นตามท้องถนนทั่วไป เขาก็มีขีดเส้นไหว้สำหรับจอดรถ ผมก็เอาจุดนี้มาลองใช้ดู ก็ได้ผลดีครับ ตอนเช้าลงทำงาน ผมก็เดินไปที่จอดรถที่ผมทำไว้เมื่อวันอาทิตย์ ก็ปรากฏว่า รถที่คนงานขับมาจอด เป็นระเบียบเรียบร้อยดี นายจ้างเขาก็พอใจผลงานของผมในจุดนี้ด้วย บางครั้งหัวหน้าคนงานเดินทางไปดูงานที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เขาก็มอบหมายให้ผมเป็นคนดูแลโรงงานแทน พอได้ประมาณ 2 ปี นายจ้างก็ได้ไปเปิดโรงงานใหม่ที่ประเทศจีน เขาก็ได้ส่งเครื่องจักร ไปที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เขาก็ให้ผมเป็นผู้ดูแลเครื่องจักรที่จะบรรจุใส่ลังไม้ขนาดใหญ่ที่บริษัทรับเหมาส่งลงเรือไปประเทศจีน ตอนนั้นผมรู้สึกว่าเหมือนผมทำงานอยู่เมืองไทยเลยครับ เพราะผมทำงานแบบอิสระมากไม่ต้องกังวลใจในเรื่องใด  ขั้นตอนการผลิตเครื่องจักรบางเครื่อง ผมก็ใช้แนวความคิดของผมช่วยนายจ้างดัดแปลงเครื่องที่ผลิตชิ้นงาน  คือจากสองขั้นตอนให้เหลือหนึ่งขั้นตอน งานที่ผลิดขึ้นก็เร็วขึ้น ซึ่งเป็นที่พอใจของนายจ้างมาก ตอนนั้นเงินเดือนของผมแทบจะไม่ได้ใช้เลย ผมให้นายจ้างโอนกลับบ้านให้ผมหมดทุกบาทเลย เงินที่ผมเอาไว้ใช้ในแต่ละเดือนนั้นก็คือ เงินพิเศษที่นายจ้างให้ผมเดือนละสี่พันบาท ผมทำงานกับนายจ้างรายนี้ปีที่สาม นายจ้างก็ต่อสัญญางานให้ผม และเป็นผู้จ่ายค่าทำเรื่องทั้งหมดให้ผม ตลอดจนค่าเครื่องกลับไปพักร้อนที่เมืองไทย ผมก็ไม่ถูกหักเงินเดือนเลย ทำงานใกล้จะครบสามปี ตอนนั้นนายจ้างจะให้ผมไปช่วยงานที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ที่เขาไปเปิดใหม่  ตอนนั้นผมบอกตรง ๆ เลยครับว่าผมกลัวมาก เพราะพึ่งเข้ามาทำงานนไต้หวันครั้งแรก ไม่รู้กฏหมายแรงงานด้วยว่าจะข้ามไปทำงานที่ประเทศที่สองได้ไหม อะไรทำนองนี้แหละครับ จนผมอยู่ครบสัญญาสามปี นายจ้างเขาก็ให้เงินโบนัสผม 2 แสน ในวันที่ผมเดินทางกลับเมืองไทย เขาก็ซื้อเสื้อสูตรให้ผมแต่งตัวผูกเนคไทอย่างเท่ ในครั้งนั้นผมตื่นเต้นมาก ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตของผมก็ว่าได้ครับ และนายจ้างยังบอกผมอีกว่า ให้ผมกลับมาทำงานที่เดิมอีก ผมก็คิดว่าผมจะกลับมาอีก แต่ตอนนั้นสัญญาการจ้างงานใหม่ 6 ปียังไม่ออกมา ในตอนนั้นผมเลยไม่ได้เดินทางมาทำงานในไต้หวัน ผมเสียดายโอกาสมากครับ ตอนแรกที่ผมเข้ามาทำงานในไต้หวันผมมีฐานะดีขึ้นมาก มีบ้าน มีที่ดิน มีมอเตอร์ไซค์อีกคัน ไม่เหมือนตอนทำงานอยู่กรุงเทพฯ ไม่มีเงินเก็บเลยครับ แต่ก็มีประสบการณ์ที่จะเอาไว้แลกเปลี่ยนกับการทำงานที่ไต้หวันได้ครับ
ผมก็ยากฝากต่อเพื่อน ๆ แรงงานไทยทุกคน ขอให้ตั้งใจทำงานที่ตนทำอยู่ ขอให้ใช้ความสามารถและฝีมือของตัวเองที่มีอยู่ แสดงออกให้นายจ้างได้เห็นฝีมือของแรงงานไทยเรา ไม่ต้องกลัวเหนื่อยครับ ถ้าท่านเหนื่อยอย่างมีผลงาน ผลตอบแทนจากนายจ้างนั้นมีแน่นอนครับ